หม้อไอน้ำ หรือ Boiler เครื่องผลิตไอน้ำที่จะเปลี่ยนน้ำภายในหม้อต้มจากสถานะของเหลว กลายเป็น ไอน้ำ ส่วนใหญ่จะผลิตมากจากวัสดุเหล็กกล้า โดยไอน้ำที่ผลิตออกมาจากหม้อไอน้ำก็จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่ปิโตรเคมี อาหาร เครื่องดื่ม ไปจนถึงอาคาร
|
ประเภทของหม้อไอน้ำแบ่งเป็น 3 ประเภท
|
1. หม้อไอน้ำแบบท่อไฟ (Fire tube boiler) เป็นหม้อไอน้ำที่มีไฟอยู่ในท่อ และน้ำอยู่บริเวณด้านนอก มีความดันไม่เกิน 150 psi เหมาะกับโรงงานขนาดเล็ก เช่น หัวจักรรถไฟ เรือกลไฟ โรงสีไฟ โรงงานกระดาษ โรงงานอาหารสัตว์ โรงงานผลไม้กระป๋อง เป็นต้น
ข้อดี การกระจายไอน้ำค่อนข้างนิ่ง ราคาถูก
ข้อเสีย จุดเตานาน น้ำหนักสูง ถ่านเทความร้อนต่ำ หากสะสมพลังงานความร้อนสูงอาจระเบิดได้
|
2. หม้อไอน้ำแบบท่อน้ำ (Water tube boiler) เป็นหม้อไอน้ำ ที่มีน้ำอยู่ในท่อ และไฟจะอยู่ด้านนอก ความดันสูงมากกว่า 150 Psi กำลังการผลิตสูง เหมาะกับ เครื่องกังหันไอน้ำ โรงงานน้ำตาล โรงกลั่นน้ำมัน ปิโตรเคมี เรือเดินทะเล เป็นต้น
ข้อดี การไหลเวียนของน้ำดี การถ่ายเทความร้อนดี ใช้เวลาสั้นในการจุดเตา อัตราผลิตไอน้ำสูง หากระเบิดปลอดภัยกว่าแบบท่อไฟ
ข้อเสีย ราคาแพง ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสูง ต้องการน้ำคุณภาพดีเพราะเกิดตะกรันง่าย
|
3. หม้อไอน้ำแบบผสมท่อไฟ และ ท่อน้ำ (Hybrid Boiler) ผสมผสานเทคโนโลยีของหม้อไอน้ำแบบท่อไฟและท่อน้ำ มีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย เหมาะกับโรงงานที่ต้องการไอน้ำคุณภาพสูง ปริมาณไอน้ำสูง
ข้อดี : เป็นการนำข้อดีของทั้งแบบท่อไฟและท่อน้ำมาผสมกัน มีคุณภาพของไอน้ำที่ดี ปริมาณการกักเก็บไอน้ำสูง เก็บความร้อนได้สูง
ข้อเสีย : ราคาสูง และเทคโนโลยีใหม่นี้ยังไม่แพร่หลาย
|
ซึ่งหม้อไอน้ำแต่ล่ะประเภทมีการใช้งานที่แตกต่างกันและช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงลดต้นทุนการผลิตให้กับคุณ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละโรงงาน แต่ละอุตสาหกรรม แต่ที่สำคัญที่สุด ต้องใช้งานภายใต้กฏหมายและมาตรการความปลอดภัยเกี่ยวกับหม้อน้ำ
|